การทำเอกสารทางกฎหมายที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้มีเพียงเอกสารสัญญาซื้อขายเพียงเท่านั้น แต่ยังมีเอกสารสัญญาจำนองและเอกสารสัญญาขายฝากที่มักจะพบเห็นและเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์บ่อย ๆ ซึ่งเอกสารสัญญาทั้ง 2 ประเภทนี้มีจุดประสงค์ที่ใช้แตกต่างกัน
“สัญญาจำนอง” คือ สัญญากู้เงินที่ใช้หลักประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ แต่จะไม่มีการโอนทรัพย์สิน เป็นแค่การนำทรัพย์สินนั้นไปจดทะเบียนเพื่อตราไว้เป็นหลักประกันเท่านั้น โดยจะต้องทำสัญญาต่อหน้าเจ้าพนักงาน ณ กรมที่ดิน
- ลูกหนี้ไม่ต้องโอนทรัพย์สินให้เจ้าหนี้
- วงเงินให้กู้ประมาณ 10 – 30% จากราคาประเมินของหลักประกัน
- เสียค่าธรรมเนียมอัตรา 1% จากวงเงินที่นำมาจำนอง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
“สัญญาขายฝาก” คือ สัญญากู้เงินที่ใช้หลักประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ โดยลูกหนี้จะทำการขายทรัพย์สินหรือโอนกรรมสิทธิ์ให้กับเจ้าหนี้ก่อนรับเงิน แต่มีข้อตกลงเพิ่มเติมว่า ลูกหนี้สามารถซื้อทรัพย์สินคืนได้ตามระยะเวลาที่กำหนดกันไว้ แต่ไม่เกิน 10 ปีสำหรับอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์ไม่เกิน 3 ปี โดยจะต้องทำสัญญาต่อหน้าเจ้าพนักงาน ณ กรมที่ดิน
- ลูกหนี้ต้องโอนทรัพย์สินให้เจ้าหนี้ แต่สามารถซื้อคืนได้ในเวลาที่กำหนด
- วงเงินให้กู้ประมาณ 40 – 70% จากราคาประเมินของหลักประกัน
- เสียค่าธรรมเนียม 2% จากราคาประเมิน และต้องชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และอากรแสตมป์ตามที่กฎหมายกำหนด
ในช่วงยุคเศรษฐกิจที่ต้องการเงินหมุนเวียนสำหรับการลงทุนหรือธุรกิจ หากมีอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินอยู่ในมือก็สามารถนำไปเป็นหลักประกันเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนก่อนได้ แต่อาจจะต้องเลือกลักษณะการทำสัญญาที่เหมาะสม และต้องเลือกเจ้าหนี้หรือสถาบันการเงินที่จะให้บริการที่น่าเชื่อถือได้
หากต้องการทนายความเพื่อร่างสัญญาเงินกู้หรือตรวจสอบหนังสือสัญญาต่าง ๆ รวมทั้งปรึกษาข้อกฎหมายหรือดำเนินการเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่าง ๆ สามารถติดต่อได้ที่ Line : @balanceniti และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารหรือสาระน่ารู้ต่าง ๆ ของเราได้ที่ Facebook : Balance Niti Law Firm