การแข่งขันในเชิงธุรกิจที่ค่อนข้างสูงในปัจจุบันทำให้ต้องมีการควบคุมในเชิงกฏหมาย เพื่อคุ้มครองและป้องการละเมิดสิทธิสินค้าของกันและกัน โดยกฏหมายพ.ร.บ.เครื่องหมายการค้านั้นเป็นการแสดงออกถึงว่าสินค้าของแบรนด์นี้มีความแตกต่างจากสินค้าชิ้นอื่นในชนิดเดียวกันอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งกฏหมายพ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าไม่ได้บังคับเจาะจงว่าต้องขอจดแจ้งลงทะเบียนเพื่อขอเครื่องหมายการค้าเมื่อใด
ความหมาย “เครื่องหมายการค้า”
เครื่องหมาย สัญลักษณ์ ตราโลโก้ ยี่ห้อ ที่ใช้เพื่อแสดงว่ากับสินค้าหรือบริการของเจ้าของนั้นแตกต่างจากแบรนด์อื่น
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า
เจ้าของสินค้าหรือบริการต้องนำเครื่องหมายของสินค้าไปจดทะเบียน ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อใช้สิทธิคุ้มครองและป้องกันการโดนละเมิด หรือลอกเลียนแบบสินค้าในเชิงกฏหมาย
- ลักษณะของเครื่องหมายที่ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
- เป็นเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะบ่งเฉพาะตามมาตรา 6 (1) คือ เครื่องหมายการค้านั้นต้องมีลักษณะที่ทำให้ผู้ใช้สินค้าเข้าใจได้ว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างไปจากสินค้าอื่น (มาตรา 7)
- เป็นเครื่องหมายการค้าที่ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายตามมาตรา 6 (2) คือ ต้องไม่เป็นเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะที่ห้ามมิให้รับจดทะเบียนตามมาตรา 8 เช่น ธงชาติ เครื่องหมายที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยฯ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เป็นต้น
- ไม่เป็นเครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายเครื่องหมายการค้าที่บุคคลอื่นได้จดทะเบียนไว้แล้วตามมาตรา 6 (3)
- สิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้า
- เจ้าของเครื่องหมายการค้ามีสิทธิที่จะใช้เครื่องหมายการค้าที่ยังมิได้จดทะเบียน แต่จะฟ้องร้องเพื่อป้องกันการละเมิดเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนหรือเรียกร้องค่าเสียหายไม่ได้
- เครื่องหมายการค้าที่ได้รับจดทะเบียนแล้ว เจ้าของเครื่องหมายการค้าเป็นผู้มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการใช้เครื่องหมายการค้านั้น (มาตรา 44)
- สิทธิในการอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้เครื่องหมายการค้าหรือโอนเครื่องหมายการค้าของตนให้บุคคลอื่น
- สิทธิในการคัดค้านหรือขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น (มาตรา 35, 60)
- สิทธิในการฟ้องร้องเพื่อป้องกันการละเมิดและเรียกค่าสินไหนทดแทน
- สิทธิในการต่ออายุเครื่องหมายการค้าที่ตนเองเป็นเจ้าของ
- อายุความคุ้มครองของเครื่องหมายการค้า
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ามีอายุความคุ้มครอง 10 ปี นับแต่วันที่ยื่นคำขอจดทะเบียน และ สามารถขอต่ออายุการคุ้มครองได้ทุก ๆ 10 ปี โดยต้องยื่นคำขอต่ออายุภายใน 3 เดือน ก่อนวันสิ้นอายุ หรือภายใน 6 เดือน นับแต่วันสิ้นอายุการจดทะเบียน ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา
หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับกฏหมายพ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าเพิ่มเติม หรือต้องการทนายที่ปรึกษากฏหมายเพื่อดำเนินการทางกฏหมายในการถูกละเมิดสิทธิ ติดต่อได้ที่ Line : @balanceniti และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารหรือสาระน่ารู้ต่าง ๆ ของเราได้ที่ Facebook : Balance Niti Law Firm
เครดิต: http://www.ipthailand.go.th/th/tm-001.html
https://www.ipthailand.go.th/images/633/law_a2534-2-edit.pdf