รื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่เจ้าของบ้านจำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจให้ดี เพราะการรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคารต้องพิจารณาในแง่ของการก่อสร้างและกฎหมายควบคู่กันไปด้วย ลองมาดูข้อควรรู้ ข้อควรระวัง และข้อปฏิบัติในการรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคารให้ปลอดภัยทั้งต่อผู้อาศัยและถูกต้องตามกฎหมาย
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการรื้อบ้าน รื้ออาคาร
การรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคารต่าง ๆ ล้วนจำเป็นต้องทำโดยได้รับใบอนุญาตเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 39 ทวิ โดยบ้านและอาคารที่ต้องรื้อถอนนั้นต้องเข้าข่ายลักษณะต่อไปนี้
- บ้านหรืออาคารสูงเกิน 50 เมตร ซึ่งระยะห่างจากอาคารหรือที่สาธารณะน้อยกว่าความสูงของอาคารนั้น
- บ้านหรืออาคารอยู่ห่างอาคารอื่นหรือที่สาธารณะน้อยกว่า 2 เมตร
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการรื้อบ้าน รื้ออาคาร
การรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคารต่าง ๆ ล้วนจำเป็นต้องทำโดยได้รับใบอนุญาตเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 39 ทวิ โดยบ้านและอาคารที่ต้องรื้อถอนนั้นต้องเข้าข่ายลักษณะต่อไปนี้
- บ้านหรืออาคารสูงเกิน 50 เมตร ซึ่งระยะห่างจากอาคารหรือที่สาธารณะน้อยกว่าความสูงของอาคารนั้น
- บ้านหรืออาคารอยู่ห่างอาคารอื่นหรือที่สาธารณะน้อยกว่า 2 เมตร
ยกตัวอย่าง บ้านของคุณสูงเกิน 15 เมตร โดยบริเวณนั้นก็มีอาคารอื่น ๆ หรือชุมชนล้อมรอบ มีระยะห่างไม่ถึง 15 เมตร เจ้าบ้านก็ต้องทำเรื่องขออนุญาตรื้อบ้าน เป็นต้น
ทั้งนี้ยังมีกรณีซ่อมแซมหรือต่อเติมเล็ก ๆ น้อย ๆ บางกรณีที่ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องขออนุญาต โดยเจ้าบ้านลงมือทำได้ทันทีตามสมควร ไม้ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อน กรณีดังกล่าวอ้างอิงตามกฎกระทรวงฉบับที่ 11 พ.ศ. 2528 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ได้แก่
- การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของพื้นชั้นใดชั้นหนึ่งรวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน ซึ่งหมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต
- การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของหลังคารวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน หมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต
- การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็นวัสดุที่แตกต่างจากเดิม ต้องขออนุญาต
- การเปลี่ยนส่วนใด ๆ ภายในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุชนิดเดียวกับของเดิม หรือวัสดุชนิดอื่นที่ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างของอาคารเดิมเกิน 10% ของน้ำหนักเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงส่วนใด ๆ ภายในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม ต้องขออนุญาต
- การเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ส่วนใด ๆ ก็ตามในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร และไม่เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างเกิน 10% ของโครงสร้างอาคารเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม ต้องขออนุญาต
ถ้าพิจารณาจากข้อยกเว้น 5 ข้อแล้ว จะเห็นว่า การต่อเติมส่วนใหญ่ที่เรา ๆ ทำกันอยู่ ล้วนต้องขออนุญาต เพราะพื้นที่ที่เราต่อเติม ส่วนใหญ่จะเกินกว่า 5 ตารางเมตร
รื้อบ้าน-รื้อถอนอาคาร ให้ถูกกฎหมายต้องทำอย่างไร
เมื่อพิจารณาแล้วว่าบ้านหรืออาคารของเราจำเป็นต้องรื้อถอนออก เจ้าบ้านควรยื่นเรื่องขอรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคารจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายมีข้อปฏิบัติต่าง ๆ ดังนี้
ขั้นเตรียมการก่อนรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร
ผู้ยื่นขออนุญาตจำเป็นต้องเตรียมเอกสาร เพื่อขอยื่นคำอนุญาตที่สำนักงานเขตหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดูแลพื้นที่ที่จะทำการรื้อถอนบ้าน เอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้
- แบบบ้าน ประกอบด้วย
– แบบแปลนทุกชั้น
– รูปด้าน จำนวน 2 รูป
– รูปตัด 2 รูป
– รายการประกอบแบบ (ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการรื้อถอน วัสดุที่ใช้ โดยลงรายละเอียดให้ครบถ้วนตามหลักการรื้อถอนอาคาร)
- คำร้อง ข.1
- สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ยื่นขออนุญาต
- ใบยินยอมที่ดิน (ใช้ยื่นกรณีที่ผู้ยื่นขออนุญาตไม่ใช่เจ้าของที่นั้น
- บัตรทะเบียนบ้านเจ้าของที่ดิน
- สำเนาหรือภาพถ่ายโฉนดที่ดินเท่าฉบับจริง
- เอกสารที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรและสถาปนิก
– หนังสือแสดงความยินยอมและรับรองวิศวกรและสถาปนิก
– สำเนาใบประกอบวิชาชีพของวิศวกรและสถาปนิก
– หนังสือแสดงความยินยอมและรับรองผู้ควบคุมงานของวิศวกรและสถาปนิก
– สำเนาใบอนุญาตของผู้ประกอบวิชาชีพ
- เอกสารอื่น ๆ
– การแสดงระบบบำบัดน้ำเสีย
– รายการคำนวณระบบบำบัดน้ำเสีย
*กรณีที่การรื้อถอนอาคารนั้นเป็นที่ทำการของโรงงานอุตสาหกรรม ตลาดสด ร้านอาหาร ห้องพัก โรงพยาบาล
ขั้นยื่นคำร้องขอรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร
เมื่อเตรียมเอกสารสำหรับยื่นอนุญาตครบถ้วนแล้วนั้น ก็ทำเรื่องกับเจ้าหน้าที่ได้ทันที โดยผู้ยื่นขออนุญาตต้องชำระค่าธรรมเนียมในวันที่ยื่นคำร้อง รวมทั้งรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด เพื่อออกใบอนุญาตรื้อถอนอาคารให้แก่ผู้ขอยื่นอนุญาตต่อไป
ขั้นเตรียมรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร
หลังจากเจ้าหน้าที่ออกใบอนุญาตรื้อถอนอาคารให้แล้ว ผู้ยื่นขออนุญาตก็เริ่มดำเนินการรื้อถอนอาคารได้ โดยต้องเตรียมการดังนี้
- ปิดป้ายโครงการรื้อถอนอาคาร โดยลงรายละเอียดเกี่ยวกับการรื้อถอนดังกล่าวให้ครบถ้วนตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
- ส่งมอบใบอนุญาตก่อสร้างพร้อมแบบแปลนประจำติดไว้ที่ทำการก่อสร้างรื้อถอน
- ระบุวันเริ่มต้นและสิ้นสุดการรื้อถอนอาคาร ผู้ควบคุมงาน และหนังสือแสดงความยินยอมของผู้ควบคุมงานแก่สำนักงานเขตพื้นที่หรือองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ไปยื่นเรื่องอีกครั้ง
รื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร ไม่ขออนุญาต ต้องรับโทษอะไรบ้าง
หากเราดำเนินการรื้อถอนบ้านหรืออาคารโดยไม่ขออนุญาต ฝ่าฝืนไม่ขออนุญาตเพื่อดำเนินการรื้อถอน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในใบขอนุญาตรื้อถอนอาคารนั้น จะได้รับโทษตามกฎหมาย โดยจะถูกจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งจะถูกปรับรายวันไม่เกินวันละ 10,000 บาท กรณีที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบของใบขออนุญาตรื้อถอนอาคารให้ถูกต้อง
นอกจากนี้ หากแก้ไขการรื้อถอนให้ถูกต้องตามใบขออนุญาตไม่ได้ หรือเจ้าบ้านไม่ยินยอมแก้ไขโดยดี ก็จำเป็นต้องสั่งรื้อถอนบ้านหรืออาคารนั้นทั้งหมด และหากยังเพิกเฉยต่อคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ก็จะได้รับโทษจำคุกเพิ่มไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100.000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งปรับรายวันไม่เกินวันละ 30,000 บาท จนกว่าจะแก้ไขให้ถูกต้อง
รื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร ใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ อะไรบ้าง
โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคารนั้นจะตกอยู่ประมาณ 5,000-30,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดบ้านและระดับความยากง่ายในการรื้อถอน นอกจากนี้ หากมีการออกแบบหรือต่อเติมบ้านหรืออาคารเพิ่มเติม ก็อาจมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นเพิ่มขึ้นมาตามสมควร โดยอัตราค่าออกแบบตามมาตรฐานของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ครอบคลุมเฉพาะการออกแบบและตกแต่งภายใน ดังนี้
- อัตราค่าออกแบบบ้านพักที่มีงบประมาณไม่เกิน 10 ล้านบาท คิดเป็น 7.5% ของงบประมาณ
- อัตราค่าออกแบบสำหรับการตกแต่งภายในที่มีงบไม่เกิน 10 ล้านบาท คิดเป็น 10% ของงบประมาณ
ชอบคุณ DDproperty
กฏหมายเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว และเรานั้นสามารถพบเจอได้ทั่วไปในการดำเนินชีวิตประจำวัน การศึกษากฏหมายเป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม สำหรับท่านใดที่ต้องการปรึกษาปัญหาทางด้านกฏหมายสามารถสอบถามข้อมูลมาได้ที่ Line@bnlaw และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารหรือสาระน่ารู้ต่างๆของเราได้ที่ Facebook B.N. Law