สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างเป็นเอกสารที่สำคัญในโครงการก่อสร้างบ้าน หรือการก่อสร้างสิ่งปลูกต่าง ๆ โดยทั่วไปจะมีข้อกำหนดและเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้เพื่อคุ้มครองทั้งผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งมี 4 ข้อที่ควรระวังและระบุรายละเอียดให้ชัดเจนในเเอกสารสัญญาฯ
1. ระบุรายละเอียดของโครงการให้ชัดเจนที่สุด
ในสัญญารับเหมาฯ ควรระบุรายละเอียดแบบแผนงาน แผนที่ และการวางแผนการก่อสร้าง พร้อมคำอธิบายแผนที่ต้องทำอย่างชัดเจน รวมถึงรายละเอียดของงาน เช่น วัสดุที่ใช้ ระยะเวลาที่ใช้ และคุณลักษณะของงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยควบคุมและป้องกันความขัดแย้งระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาก่อสร้าง
2. ระบุรายละเอียดการชำระเงิน
ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงิน ทั้งการชำระเงินล่วงหน้าหรือระยะเวลาการชำระเงิน รวมถึงวิธีการชำระเงิน เช่น ผ่านธนาคาร,เช็ค,โอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพื่อป้องกันข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการเงินที่อาจจะเกิดขึ้น
- กำหนดการชำระเงิน: ระบุวันที่ครบกำหนดสำหรับการชำระเงิน รวมถึงระยะเวลาที่ผู้ว่าจ้างต้องชำระเงิน จะเป็นรายวัน,รายสัปดาห์หรือรายเดือน ให้ระบุอย่างชัดเจน
- จำนวนเงิน: ระบุจำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวด รวมถึงวิธีการคำนวณจำนวนเงิน อาจรวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่จะถูกชำระ เช่น ค่าใช้จ่ายในกรณีที่มีการเพิ่มเติมงาน
- เงื่อนไขการชำระเงินล่วงหน้า: ถ้ามีการชำระเงินล่วงหน้า, ให้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินนี้ รวมถึงวันที่จะชำระและจำนวนเงิน
- หมายเหตุเกี่ยวกับค่าเสียหาย: ระบุการชำระเงินค่าเสียหายหรือการชดเชยในกรณีที่ผู้รับเหมาก่อสร้างไม่สามารถสำเร็จงานตามสัญญา รวมถึงเงื่อนไขเกี่ยวกับการชดเชยค่าเสียหาย
- การบันทึกการชำระเงิน: ระบุว่าจะมีบันทึกการชำระเงินอย่างไร เช่น การรายงานเข้าบัญชี, เช็คการชำระเงิน, หรือใบเสร็จรับเงิน
- ค่าดอกเบี้ย: ระบุเงื่อนไขเกี่ยวกับค่าดอกเบี้ยในกรณีที่การชำระเงินเกินกำหนด
3. ระบุ Timeline หรือระยะเวลาในการทำงาน
เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปตามเวลาที่กำหนด ต้องมีการระบุระยะเวลาสำหรับการทำงานเพื่อเป็นไปตามสัญญา ทั้งกำหนดสัญญาเริ่มต้นและสิ้นสุด รวมถึงระยะเวลาสำคัญอื่น ๆ เช่น ระยะเวลาสำหรับการตรวจสอบคุณภาพ ระยะเวลาสำหรับการรายงานความคืบหน้า และระยะเวลาสำหรับการรับมอบงาน เป็นต้น เพื่อให้ทราบเสมอว่าที่ประสงค์คือระยะเวลาที่ตกลงกัน
- ระยะเวลาการชำระเงิน: ระบุระยะเวลาที่รับเหมาก่อสร้างจะได้รับการชำระเงิน และระบุวิธีการชำระเงินในระยะเวลานี้ เช่น ระยะเวลารับเงินครั้งครึ่งหรือระยะเวลารับเงินรายเดือน
- ระยะเวลาการจัดส่งงาน: ระบุระยะเวลาที่ผู้รับเหมาก่อสร้างจะต้องส่งงานหรือส่งมอบส่วนงานต่าง ๆ ของโครงการ
- การตรวจสอบคุณภาพ: ระบุระยะเวลาสำหรับการตรวจสอบคุณภาพของงาน รวมถึงระยะเวลาสำหรับการแก้ไขข้อบกพร่อง (ถ้ามี)
- เหตุการณ์สำคัญ: ระบุเหตุการณ์สำคัญที่อาจเกิดขึ้นระหว่างโครงการ เช่น การอนุมัติสิทธิ์, การจัดหาวัสดุ, หรือเหตุการณ์พิเศษอื่น ๆ ที่สามารถมีผลกระทบต่อระยะเวลา
- การรายงานความคืบหน้า: ระบุระยะเวลาและวิธีการรายงานความคืบหน้าของโครงการ รวมถึงเนื้อหาของรายงานและผู้ที่รับรายงาน
4. ในกรณีการบอกเลิกสัญญาฯ
หากต้องการยุติสัญญารับเหมาฯ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่เกี่ยวกับการบอกเลิกสัญญา ทั้งอาจจะเป็นการตกลงยินยอมทั้งสองฝ่าย หรือเกิดการผิดสัญญาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งในสัญญาจะต้องระบุรายละเอียดเกี่ยวกับค่าเสียหาย หรือการชดเชยที่จะต้องชำระในกรณีการบอกเลิกด้วย
- การเลิกสัญญาโดยฝ่ายรับเหมาก่อสร้าง: ระบุเงื่อนไขที่อนุญาตให้ผู้รับเหมาก่อสร้างยุติสัญญา เช่น การเลิกสัญญาในกรณีที่ว่าจ้างไม่ชำระเงินตามสัญญา ระบุขั้นตอนที่จะต้องเข้ามาเมื่อต้องการยุติสัญญา เป็นต้น
- การบอกเลิกที่ไม่ผิดสัญญา: ระบุเงื่อนไขที่เกี่ยวกับการยุติสัญญาที่ไม่ผิดสัญญา นั่นคือการยุติสัญญาที่ไม่เกี่ยวกับการละเมิดสัญญา แบบนี้สามารถรวมถึงการบอกเลิกด้วยความตั้งใจของฝ่ายหนึ่ง เมื่อมีการบอกเลิกที่ไม่ผิดสัญญา ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการแจ้งให้ฝ่ายอีกฝ่ายทราบล่วงหน้าและเวลาในการบอกเลิก
- การชดเชยหรือค่าเสียหาย: ระบุเงื่อนไขเกี่ยวกับการชดเชยหรือค่าเสียหายที่จะต้องชำระในกรณีที่สัญญาถูกยุติ ระบุว่าการชดเชยหรือค่าเสียหายนี้จะถูกคำนวณอย่างไร
การระบุรายละเอียดงานต่าง ๆ อย่างชัดเจนในสัญญารับเหมาก่อสร้างจะช่วยให้ทั้งผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาก่อสร้างมีความเข้าใจที่เท่าเทียมเกี่ยวกับงานที่ต้องทำ รวมทั้งยังช่วยไม่ให้เกิดความได้เปรียบหรือเสียเปรียบของทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ประกอบการหรือเจ้าของบ้านที่ต้องการร่างสัญญญารับเหมาก่อสร้าง หากต้องการที่ปรึกษาทางด้านกฏหมาย หรือต้องการคำแนะนำในการจัดซื้ออสังหาริมทรัพย์ สามารถติดต่อได้ที่ Line : @balanceniti และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารหรือสาระน่ารู้ต่าง ๆ ของเราได้ที่ Facebook : Balance Niti Law Firm